News

Home > News

News

เหตุการณ์โรคในประเทศ
 

โรคไข้หวัดนก เช็คสาเหตุ อาการและการป้องกัน

icon 26/05/2567 เหตุการณ์โรคในประเทศ
โรคไข้หวัดนก เช็คสาเหตุ อาการและการป้องกัน

จากกรณีมีรายงานพบผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดนก H5N1 จำนวน 2 ราย ในสหรัฐอเมริกา อาการไม่รุนแรงเพียงแค่มีตาแดงอักเสบ ไม่มีอาการทางเดินหายใจซึ่งคาดว่า ติดเชื้อจากการสัมผัสสารคัดหลั่งของโคนมป่วยในฟาร์ม ขณะที่สถานการณ์ในไทย โรคไข้หวัดนก H5N1 นั้น ทางกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เผยพบผู้ป่วยรายสุดท้ายตั้งแต่ปี 2550 และไม่เคยมีการระบาดในโคนมซึ่งถือว่า ความเสี่ยงต่ำมากแต่ยังเฝ้าระวังโรคดังกล่าวทั้งในสัตว์ปีกและในคนอย่างเข้มงวดต่อเนื่อง 

โรคไข้หวัดนก  (Avian Influenza) คือ อะไร 

โรคไข้หวัดนก เกิดจากการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่บางสายพันธุ์ที่พบในนกและสัตว์ปีก โดยอาการและความรุนแรงของโรคขึ้นกับสายพันธุ์ของไวรัสและชนิดของสัตว์ปีกที่ติดเชื้อ สายพันธุ์ที่มีความสำคัญ คือ H5N1 ซึ่งทำให้สัตว์ปีกที่ติดเชื้อมีอาการรุนแรงและตายอย่างรวดเร็ว

ปัจจุบันพบการระบาดของโรคไข้หวัดนกในหลายประเทศทั่วโลก ทั้งในสหรัฐอเมริกา ยุโรป เอเชีย และแอฟริกา ในประเทศไทยพบผู้ป่วยโรคไข้หวัดนกในปี พ.ศ.2547-2549 แต่หลังจากปี พ.ศ. 2549 เป็นต้นมา ยังไม่มีรายงานผู้ป่วยยืนยันโรคไข้หวัดนกจนถึงปัจจุบัน

สัตว์ชนิดใดบ้างที่สามารถติดเชื้อไข้หวัดนก

  • ไข้หวัดนก สามารถติดต่อได้ในสัตว์ปีกทุกชนิดทั้งที่เป็นสัตว์ป่าและสัตว์เลี้ยง

โรคไข้หวัดนกติดต่อมาสู่คนได้อย่างไร

โรคไข้หวัดนกสามารถติดต่อจากสัตว์ปีกมาสู่คนได้ ทั้งจากการสัมผัสสิ่งคัดหลั่งจากสัตว์ปีกที่ป่วยโดยตรง เช่น อุจจาระ น้ำมูก น้ำลายของสัตว์ปีก หรือเกิดจากการสัมผัสสิ่งแวดล้อม พื้นผิวที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัสจากสัตว์ปีกที่ป่วย อย่างไรก็ดี การติดต่อจากคนสู่คนมีโอกาสเกิดได้น้อยมาก 

โรคไข้หวัดนก เช็คสาเหตุ อาการและการป้องกัน

26 พ.ค. 2567 | 18:00 น.

ทำความรู้จัก "โรคไข้หวัดนก" พร้อมเช็คสาเหตุ อาการและการป้องกันโรค หลังสหรัฐฯ พบผู้ป่วยติดเชื้อ ไข้หวัดนก H5N1 จากโคนมรายที่ 2 ขณะที่ "สาธารณสุข" ของไทยเฝ้าระวังเข้มพร้อมรับมือกับสถานการณ์การระบาดที่อาจเกิดขึ้นได้

จากกรณีมีรายงานพบผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดนก H5N1 จำนวน 2 ราย ในสหรัฐอเมริกา อาการไม่รุนแรงเพียงแค่มีตาแดงอักเสบ ไม่มีอาการทางเดินหายใจซึ่งคาดว่า ติดเชื้อจากการสัมผัสสารคัดหลั่งของโคนมป่วยในฟาร์ม ขณะที่สถานการณ์ในไทย โรคไข้หวัดนก H5N1 นั้น ทางกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เผยพบผู้ป่วยรายสุดท้ายตั้งแต่ปี 2550 และไม่เคยมีการระบาดในโคนมซึ่งถือว่า ความเสี่ยงต่ำมากแต่ยังเฝ้าระวังโรคดังกล่าวทั้งในสัตว์ปีกและในคนอย่างเข้มงวดต่อเนื่อง 

โรคไข้หวัดนก  (Avian Influenza) คือ อะไร 

โรคไข้หวัดนก เกิดจากการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่บางสายพันธุ์ที่พบในนกและสัตว์ปีก โดยอาการและความรุนแรงของโรคขึ้นกับสายพันธุ์ของไวรัสและชนิดของสัตว์ปีกที่ติดเชื้อ สายพันธุ์ที่มีความสำคัญ คือ H5N1 ซึ่งทำให้สัตว์ปีกที่ติดเชื้อมีอาการรุนแรงและตายอย่างรวดเร็ว

ปัจจุบันพบการระบาดของโรคไข้หวัดนกในหลายประเทศทั่วโลก ทั้งในสหรัฐอเมริกา ยุโรป เอเชีย และแอฟริกา ในประเทศไทยพบผู้ป่วยโรคไข้หวัดนกในปี พ.ศ.2547-2549 แต่หลังจากปี พ.ศ. 2549 เป็นต้นมา ยังไม่มีรายงานผู้ป่วยยืนยันโรคไข้หวัดนกจนถึงปัจจุบัน

สัตว์ชนิดใดบ้างที่สามารถติดเชื้อไข้หวัดนก

  • ไข้หวัดนก สามารถติดต่อได้ในสัตว์ปีกทุกชนิดทั้งที่เป็นสัตว์ป่าและสัตว์เลี้ยง

โรคไข้หวัดนกติดต่อมาสู่คนได้อย่างไร

โรคไข้หวัดนกสามารถติดต่อจากสัตว์ปีกมาสู่คนได้ ทั้งจากการสัมผัสสิ่งคัดหลั่งจากสัตว์ปีกที่ป่วยโดยตรง เช่น อุจจาระ น้ำมูก น้ำลายของสัตว์ปีก หรือเกิดจากการสัมผัสสิ่งแวดล้อม พื้นผิวที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัสจากสัตว์ปีกที่ป่วย อย่างไรก็ดี การติดต่อจากคนสู่คนมีโอกาสเกิดได้น้อยมาก 

ผู้ป่วยที่เป็นโรคไข้หวัดนกมีอาการอย่างไร

ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อโรคไข้หวัดนก คือ ผู้ที่มีประวัติสัมผัสสัตว์ปีกในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคไข้หวัดนก ในช่วง 14 วันก่อนมีอาการ

อาการเด่น คือ ไข้ และอาการทางระบบทางเดินหายใจ ส่วนใหญ่มีอาการไอและหายใจเหนื่อยหอบจากปอดอักเสบ ผู้ป่วยบางรายอาจพบภาวะแทรกซ้อนทางปอดรุนแรง คือ ระบบทางเดินหายใจล้มเหลว

นอกจากนี้อาจพบอาการทางระบบทางเดินอาหาร เช่น ท้องเสีย และอาจพบอาการทางระบบประสาท เช่น ซึม ชัก ในผู้ป่วยที่อาการรุนแรงมากจะมีภาวะการทำงานของหลายอวัยวะล้มเหลวและเสียชีวิตได้

กลุ่มผู้ป่วยที่มักจะมีอาการรุนแรงและเสียชีวิต คือ กลุ่มผู้ป่วยสูงอายุที่มีโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง  เบาหวาน โรคหัวใจ โรคตับ โรคไตเรื้อรัง เป็นต้น และกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ 

การวินิจฉัยโรค

แพทย์ที่ทำการตรวจรักษาผู้ป่วยที่สงสัยติดเชื้อไข้หวัดนกจะเก็บสิ่งคัดหลั่งจากทางเดินหายใจและอุจจาระ ส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ทั้งสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุขและศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ในส่วนภูมิภาค และห้องปฏิบัติการเครือข่าย ได้แก่ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

วิธีการรักษา

ผู้ป่วยที่สงสัยว่า ติดเชื้อไข้หวัดนก ควรได้รับการรักษาด้วยยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่โดยเร็วที่สุด นอกจากนี้โรงพยาบาลจะต้องมีแนวทางการเฝ้าระวังและควบคุมการแพร่กระจายเชื้อโรค โดยหากเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลจะต้องใช้ห้องแยกโรค และใส่อุปกรณ์ป้องกันร่างกายอย่างเหมาะสม

การป้องกัน

ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดนกแต่แนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ โดยเฉพาะในบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง

วิธีการป้องกันการติดเชื้อไข้หวัดนกที่ดีที่สุด คือ การหลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ปีกและสิ่งคัดหลั่งที่มาจากสัตว์ปีกโดยตรง หากมีการสัมผัสควรใช้สบู่ล้างมือให้สะอาด

ส่วนผู้ที่ต้องทำงานกับสัตว์ปีกควรสวมอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้ออย่างเหมาะสม เช่น หน้ากากปิดจมูก ถุงมือ แว่นตา รวมทั้งล้างมือด้วยสบู่ให้สะอาดภายหลังสัมผัสสัตว์ปีกหรือเสร็จจากการทำงาน

นอกจากนี้อาจพิจารณาให้ยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ในบุคคลที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยหรือสัตว์ที่ป่วยเป็นโรคไข้หวัดนก โดยไม่ได้ใส่อุปกรณ์ป้องกันที่เหมาะสม

 

แหล่งที่มา : https://www.thansettakij.com/health/health/597019

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว
คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น
จัดการความเป็นส่วนตัว
คุกกี้ที่มีความจำเป็น (Strictly Necessary Cookies)
เปิดใช้งานตลอด
คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการเว็บไซต์ของ ศูนย์รวมข้อมูลโรคติดต่อ เพื่อให้ท่านสามารถเข้าใช้งานในส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้ รวมถึงช่วยจดจำข้อมูลที่ท่านเคยให้ไว้ผ่านเว็บไซต์ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ท่านไม่สามารถใช้บริการในสาระสำคัญของ ศูนย์รวมข้อมูลโรคติดต่อ ซึ่งจำเป็นต้องเรียกใช้คุกกี้ได้
คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์และประเมินผลการใช้งาน (Performance Cookies)
คุกกี้ประเภทนี้ช่วยให้ ศูนย์รวมข้อมูลโรคติดต่อ ทราบถึงการปฏิสัมพันธ์ของผู้ใช้งานในการใช้บริการเว็บไซต์ของ ศูนย์รวมข้อมูลโรคติดต่อ รวมถึงหน้าเพจหรือพื้นที่ใดของเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยม ตลอดจนการวิเคราะห์ข้อมูลด้านอื่น ๆ ศูนย์รวมข้อมูลโรคติดต่อ ยังใช้ข้อมูลนี้เพื่อการปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์ และเพื่อเข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้งานมากขึ้น ถึงแม้ว่า ข้อมูลที่คุกกี้นี้เก็บรวบรวมจะเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ และนำมาใช้วิเคราะห์ทางสถิติเท่านั้น การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ ศูนย์รวมข้อมูลโรคติดต่อ ไม่สามารถทราบปริมาณผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ และไม่สามารถประเมินคุณภาพการให้บริการได้
คุกกี้เพื่อการใช้งานเว็บไซต์ (Functional Cookies)
คุกกี้ประเภทนี้จะช่วยให้เว็บไซต์ของ ศูนย์รวมข้อมูลโรคติดต่อ จดจำตัวเลือกต่าง ๆ ที่ท่านได้ตั้งค่าไว้และช่วยให้เว็บไซต์ส่งมอบคุณสมบัติและเนื้อหาเพิ่มเติมให้ตรงกับการใช้งานของท่านได้ เช่น ช่วยจดจำชื่อบัญชีผู้ใช้งานของท่าน หรือจดจำการเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าขนาดฟอนต์หรือการตั้งค่าต่าง ๆ ของหน้าเพจซึ่งท่านสามารถปรับแต่งได้ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้อาจส่งผลให้เว็บไซต์ไม่สามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์
คุกกี้เพื่อการโฆษณาไปยังกลุ่มเป้าหมาย (Targeting Cookies)
คุกกี้ประเภทนี้เป็นคุกกี้ที่เกิดจากการเชื่อมโยงเว็บไซต์ของบุคคลที่สาม ซึ่งเก็บข้อมูลการเข้าใช้งานและเว็บไซต์ที่ท่านได้เข้าเยี่ยมชม เพื่อนำเสนอสินค้าหรือบริการบนเว็บไซต์อื่นที่ไม่ใช่เว็บไซต์ของ ศูนย์รวมข้อมูลโรคติดต่อ ทั้งนี้ หากท่านปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะไม่ส่งผลต่อการใช้งานเว็บไซต์ของ ศูนย์รวมข้อมูลโรคติดต่อ แต่จะส่งผลให้การนำเสนอสินค้าหรือบริการบนเว็บไซต์อื่น ๆ ไม่สอดคล้องกับความสนใจของท่าน
บันทึกการตั้งค่า